
ผลไม้บนโลกนี้มีมากมายหลายชนิด ในผลไม้แต่ล่ะชนิดก็มีเอกลักษณ์ มีคุณประโยชน์เป็นของตัวเอง วันนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าผลไม้ที่อยู่รอบตัวเรานั้นมีประโยชน์อะไรบ้าง
องุ่น
จัดเป็นอาหารบำรุงร่างกายอีกชนิดหนึ่ง มีคุณค่าทางอาหารควบคู่ ไปกับสรรพคุณทางยา โดยมีสารอาหารสำคัญ คือน้ำตาล อีกทั้งยังมี เหล็ก แคลเซียม อีกด้วย มี กรดเอลลาจิก ซึ่งมีพลังในการต่อสู้กับมะเร็งได้อย่างดี การรับประทานองุ่นเป็นประจำ จะช่วยบำรุงสมอง , บำรุงหัวใจ , สำหรับคนที่ร่างกายผอมแห้ง ถ้ารับประทานองุ่นเป็นประจำ จะทำให้ร่างกายค่อยๆ แข็งแรงขึ้นมาได้
สตรอเบอร์รี่
หลายๆ คนคิดว่า ผลไม้สุดโปรดของคุณสาวๆ ชนิดนี้เป็นผลไม้ แต่ความจริงแล้วสตรอเบอร์รี่ เป็นพืชสกุลเดียวกับดอกไม้ อยู่ในวงศ์เดียวกับดอกกุหลาบ มีส่วนช่วยในการทำงานของสมอง ประกอบด้วยวิตามิน C และ Phytochemical ทำให้อนุมูลอิสระลดน้อยลง คงความสาวไปอีกนานแสนนาน
เชอร์รี่
อัดแน่นไปด้วยวิตามิน C มากกว่าส้มถึง 30 เท่า บำรุงผิวพรรณให้สดใส , ช่วยชะลอความชรา อีกทั้งยังช่วยทำให้อารมณ์ดีขึ้นอีกด้วย จากผลงานการวิจัยของมหาวิทยาลัย Michigan การกินเชอร์รี่ 20 ผล/วัน จะช่วยลดอาการซึมเศร้าได้ดีกว่าการกินยา เพราะสารที่มีชื่อว่า Anthocyanin ทำให้เกิดความสุข อีกทั้งยังเป็นอาหารสมอง ช่วยทำให้สุขภาพสมองดี ป้องกันการสูญเสียความจำ
แอปเปิ้ล
เป็นผลไม้ที่เหมาะกับผู้ป่วย โดยเฉพาะโรคเบาหวาน ถึงแม้แอ๊ปเปิ้ลจะมีน้ำตาลมาก แต่ก็ทำให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ และมีไฟเบอร์ละลายน้ำสูงมาก
- แอปเปิ้ลแดง มีสาร Antioxidants มากที่สุด อีกทั้งยังมีคอลลาเจนที่ดีต่อสุขภาพผิวด้วย
- แอปเปิ้ลชมพู ช่วยยับยั้งการเกิดฝ้า ชะลอความชรา มีฟลาโวนอยด์ ทำให้ผนังหลอดเลือดฝอยแข็งแรง ช่วยลดการอักเสบ รวมทั้งช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟัน
- แอปเปิ้ลเขียว มีรสเปรี้ยวอมหวาน ช่วยควบคุมน้ำหนักได้ดีสำหรับคุณสาวๆ มีคอลลาเจนช่วยทำให้ผิวแข็งแรง ยืดหยุ่นได้ดี
- แอปเปิ้ลเหลือง ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง , โรคหลอดเลือดหัวใจ และต้อกระจก
ส้ม
นิยมนำมาคั้นน้ำแช่เย็นแล้วดื่ม ให้ความรู้สึกสดชื่น สามารถให้แคลเซียม และวิตามิน D แก่ร่างกายได้ดีเท่ากับนม โดยแคลเซียมจะไปเสริมสร้างกระดูก แต่ถึงอย่างไรก็ตามถ้าไม่มีวิตามิน D ร่างกายก็จะไม่อาจดูดซึมแคลเซียมจากอาหารได้ ซึ่งน้ำส้มยังมีวิตามิน C ที่จะเข้าไปช่วยเพิ่มกระบวนการดังกล่าวได้ดีอีกด้วย อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยปกป้องแก้วตาจากโรคต้อกระจก แม้แต่ในกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคต้อสูง